วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

วันที่ 9 ก้าวแรกของปี เที่ยว กทม. กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย วัดพระแก้ว เยาวราช บะหมี่จับกัง

     สวัสดีปี 2555 ที่ฟังทีไรก็อารมณ์ดีทุกที หวังว่าคงไม่ช้าจนเกินไป สำหรับการริเริ่มเขียน Blog ของผม สำหรับเรื่องราวใน blog ของผมจะ จะเป็นแนวไหนดี ตอนนี้ยังคิดไม่ออก เอาเป็นว่าแนวจับฉ่ายละกันนะ บางวันอาจจะไปเจอเรื่องราวที่น่าสนใจ แล้วจะนำมาเล่าให้ทุกท่านได้ฟัง บางวันอาจจะนึกสนุกแต่งเป็นเรื่องเป็นราวก็เป็นไปได้ ตามอารมณ์ บางวันอาจจะมี คลิป ผมร้องเพลง(555+) บางวันผมอาจจะไปเจอร้าน อร่อย ๆ มาแนะนำ ตามประสาคนชอบกินชอบเที่ยว

     วันนี้ผมมีโอกาศได้ ไปเที่ยว บริเวณศาลหลักเมือง ของ กทม. ผมก็แบกเป้สพายเดินไปรอบ ๆ แถว ๆ นั้น นี่ที่เป็นที่แรก ๆ ที่ผมเห็น


เป็นด้านหลังตึกที่ผมก็ไม่รู้ว่าตึกอะไร ต่อมาภายหลังรู้ว่าตึกของกระทรวงกลาโหม


และด้วยความที่ผมไม่ได้เห็นทุกวันจนชินตา ก็เลยสะดุด เออสวยดีแฮะ เป็นตึกแผนที่ทหาร ถ้าจำไม่ผิด ก็เดินไปรอบ ๆ ก็มาโผล่ ด้านหน้ากระทรวงกลาโหมที่มีปืนใหญ่อยู่ด้านหน้าเต็มไปหมด


ด้วยความที่เป็นเวลาเช้า ๆ 8 โมงนิด ๆ อากาศยังไม่ค่อยร้อนเท่าไหร เดินเย็นสบายดี เดินไปเจอแผนผังรายชื่อปืนใหญ่ต่าง ๆ

สงสัยไหมครับว่าทำไมรายชื่อปืนใหญ่ถึงเป็นเลขคี่ ผมก็สงสัยเหมือนกัน -_-" (เพื่อนบอกผมถ่ายไม่หมด) ข้ามไปเลยดีกว่า
   
     วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ( วัดพระแก้ว ) เป็นครั้งแรกของกระผมที่ได้ไปวัดแห่งนี้ ความรู้สึกคือ ผมไม่น่าใส่ขาสั้นมาเลย -_-" แต่หวังว่าผมจะไม่ใช่คนแรกที่เป็นแบบนี้ จึงเดินเข้าไปถาม พี่ที่แต่งตัวเหมือน รด. แต่ถือปืน เค้าบอกว่า มีให้เช่าด้านใน ผมจึงเดินเข้าไป เสียค่ามัดจำเป็นเงิน 200 บาท(ถ้ามาส่งคืนไม่ทัน ประมาณ 16.00 น.ไม่คืนเงินนะเอ้อ) แล้วรับกระดาษ 1 แผ่น เพื่อเป็นการยืนยัน จากนั้น ก็นำกระดาษไปยื่นช่องหมายเลข 2 เค้าจะให้กางเกงขายาวสุภาพคุณมา 1 ตัว แต่เดี๋ยวก่อนถ้าคุณเป็นฝรั่ง คุณจะได้ กางเกงที่มีลวดลายด้วย พอเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า (เอ้อลืมบอก ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ามีฝรั่งมาเขียนสเตตัสไว้เต็มเลย -*-)


เจอกรุ๊ปทัว กรุ๊ปแรกเป็นชาวเอเซียน่าจะเป็นชาวจีน เป็นไกด์พูด อี เอ้อ ซาน ( 1 2 3 ) แล้วก็เดินไป ผมก็เลยมั่วเดินไปกับเค้าด้วย


ตีมึนเดินเนียลไปกับเค้าเลยครับ ทั้ง ๆ ที่หน้าไม่ให้ 555+


เดินเข้ามาซักพักผมเศร้าใจที่ต้องจากครอบครัวของผมไป 555+ เพราะผมเป็นคนไทย ไม่ต้องเสียเงินในการเข้าชม อิ อิ เดินเข้ามาด้านในต้องขอบอกจริง ๆ ว่าเฉพาะภาพวาดฝาผนัง ก็เดินดูแทบจะไม่หมดแล้ว แต่ด้วยความที่ผมมีเวลาน้อย จึงรีบ ๆ เดิน รีบ ๆ ดู ก็มาเจออะไรหลาย ๆ อย่างที่สะดุดตา


กับภาพนี้ นั่นใช่หทารลิงถือไม้ตีแบตใช่หรือไม่ 555+


ภาพนี้เห็นแล้วอดขำไม่ได้ นี่ดีนะที่ผมมาคนเดียว ถ้ามากับเพื่อนหลาย ๆ คน คงไม่แพ้กัน 555+


ป้ายนี้สอนการปืนขึ้นกำแพงที่ผิดนะครับ วิธีที่ถูกเป็นอย่างไร เค้าไม่ได้บอกไว้ และผมหวังว่าจะไม่มีคนปืนขึ้นไปกันนะครับ หลักจากนั้นผมก็ได้เข้าไป สักการะบูชาพระแก้วเพื่อขอพรปีใหม่ให้ผมมีความสุข ครั้งหน้ามีเวลาว่างมากกว่านี้ ผมจะมาใหม่ จะใช้เวลาทั้งวันในการเดินชมเพราะไปคราวนี้ยังมีอีกตั้งหลายอย่างที่ ยังไม่ได้เดินดู

     เดินไปเดินมาชักจะหัว ดูเวลา อ่าวใกล้เที่ยงแล้วนี่ งั้นสถานีต่อไป เยาวราช ปีนี้ผมไปวัดมังกรซ่ะหน่อย เพราะรู้สึกจะปีชง (ปีใหม่นั่งติดถังน้ำแข็ง ชงกันข้ามปีเลยทีเดียวเชียว)


แน่นอนมาเยาวราช ก็ต้อง บะหมี่จับกัง


มีแบบบะหมี่ล้วนหรือจะผสมเกี๊ยวก็ได้ อันนี้แบบแห้ง ถ้าใครไม่ชอบจะสั่งน้ำซุปหรือจะสั่งน้ำมาก็ไม่ว่ากัน ราคา 30.- ถ้วนสำหรับธรรมดาไม่แพงเลยแหละ ผมคนกินจุเจอไป 1 ถ้วยก็เอาอยู่เหมือนกัน เมื่อทานเสร็จก็เดินไปดูตลาด ดูของ ดูปลิง


ดูโน่นนั่นนี่ ช่วงนี้คนเยอะมาก อาจจะเพราะใกล้เทศกาลตรุษจีนก็เป็นได้ ผมเดินไปเดินมาก็มาสะดุด เม็ดข่าว ๆ คล้ายถั่วพิสตาชิโอ แต่ไม่มีรอยอ้าตรงปาก เลยถาม เจ๊ว่า มันคือเม็ดอะไร เจ๊บอก "อ่ามันคือเม็ดอะไรน้าาาาาาาาา จำชื่อไม่ได้แล้ว" ซักพักเค้าก็ชี้ไปที่เม็ดเหลือง ๆ ผมเลยบอก


อ่อเม็ดแปะก๊วย เท่าที่ผมจำได้ แปะก๊วย มีสรรพคุณทางด้านความจำนะครับ แต่ทำไมเจ๊แกจำชื่่อไม่ได้ หรือเจ๊แกไม่ได้กินบ่อย ๆ


เดินมาอีกหน่อย สะดุดกับขนมที่มีชื่อตลก ผมเลยโดนมาถุงนึง มันคือ "กาลอจี้" มันก็แป้งทอด คลุกน้ำตากับงา นี่เอง แต่มันพิเศษตรงชื่อนี่แหละครับ อิ อิ


เดินข้ามฝั่งมาเจอ ปูม้าดอง โอ้วแม่เจ้า ขีดละ 70 บาท ผมชอบกินส้มตำปู้ม้ามาก อยากจะซื้อเก็บไว้ แต่กว่าจะกลับถึงนครสวรรค์กลัวมันไม่สด

หลังจากนั้นผมก็เดินทางกลับจากเย่าวราช ไป อนุสาวรีย์ชัย เพื่่อนั่งรถตู้กลับนครสวรรค์
17.00 น. ถึงบ้านอย่างปลอดภัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น